ทะเลทราย
ทะเลทราย หรือบริเวณแห้งแล้ง (desert) เป็นบริเวณแผ่นดินแห้งแล้งซึ่งเกิดหยาดน้ำฟ้าน้อยและทำให้สภาพการดำรงชีพไม่เอื้อสำหรับพืชและสัตว์
ประมาณหนึ่งในสามของพื้นผิวดินของโลกแห้งแล้งหรือกึ่งแห้งแล้ง
ซึ่งรวมเขตขั้วโลกด้วยซึ่งเกิดหยาดน้ำฟ้าน้อย และบ้างเรียก
"บริเวณแห้งแล้งเย็น"
บริเวณแห้งแล้งสามารถจำแนกได้โดยปริมาณหยาดน้ำฟ้าที่ตก อุณหภูมิ
สาเหตุของการกลายเป็นบริเวณแห้งแล้ง (desertification)
หรือโดยที่ตั้งภูมิศาสตร์
จากการศึกษาพบว่าพื้นที่บนโลกของเราร้อยละ
20 ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นทะเลทราย พบมากบริเวณระหว่างละติจูดที่ 15 องศา ถึง 30
องศาเหนือ และใต้ ลักษณะภูมิประเทศแบบทะเลทรายมักเกิดกับบริเวณที่แห้งแล้ง เช่น
ด้านทิศตะวันตกของทวีปที่มีลมสินค้าพัดออกจากชายฝั่งลงสู่ทะเลตามชายฝั่งที่มีกระแสน้ำเย็นไหลผ่าน
และบริเวณที่อยู่ด้านปลายลมของเขตภูเขาสูงเนื่องจากสภาพภูมิประเทศดังกล่าวมักไม่มีฝนตกหรือมีน้อยมากอันเนื่องมาจากสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศนั่นเอง
ทะเลทรายที่เกิดขึ้นบนพื้นโลกเราสามารถจำแนกออกเป็น
2 เขต ได้แก่
1. ทะเลทรายลมสินค้า
(Trade Wind Desert)
เป็นทะเลทรายในพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากลมสินค้า
ซึ่งนำพาความแห้งแล้งมาสู่พื้นที่ ทะเลทรายที่สำคัญในเขตนี้ ได้แก่ ทะเลทรายซาฮาร่า ทะเลทรายอาหรับ
ทะเลทรายอิหร่าน ทะเลทรายฮาร์ ทะเลทรายการาฮารี ทะเลทรายนามิบ ทะเลทรายอะตากามา และทะเลทรายออสเตรเลีย เป็นต้น
เป็นทะเลทรายที่ปรากฏอยู่ในบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไปในภาคพื้นทวีปและได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลน้อยมากหรือแทบไม่ได้รับเลย
เช่น ทะเลทรายโกบี และทะเลทรายเตอร์กิสถาน เป็นต้น
ทะเลทรายดังกล่าวเกิดจากการกระทำของลมและกระแสน้ำทำให้เกิดการกษัยการ
(Erosion) และการทับถมขึ้นมาในทะเลทราย
ประเภทของทะเลทรายทะเลทรายเกิดจากการกระทำของลม
โดยทำให้เกิดทั้งการกัดกร่อนและการทับถม ซึ่งเรามักพบลักษณะพื้นดินที่เกิดจากการกระทำของลมมากในเขตอากาศแห้งแล้ง
เนื่องจากพื้นดินไม่มีพืชปกคลุมในเวลากลางวันและได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่
ในเวลากลางคืนอากาศจะเย็นลงจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบผุพังอยู่กับที่
และเมื่อเกิดลมพัดจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ทางด้านกายภาพจากการกระทำของลมและสภาพภูมิอากาศในเขตแห้งแล้งเราสามารถจำแนกทะเลทรายตามลักษณะที่ปรากฎได้ดังนี้
1.ทะเลทรายหิน
(Hamada)
เป็นทะเลทรายที่ถูกปกคลุมด้วยหิน
เนื่องจากเม็ดทรายและดินถูกลมพัดพาไปจนหมดสิ้น คงเหลือแต่หินดินดานที่โผล่ขึ้นมา
ทะเลทรายหินปราศจากพืชพรรณปกคลุมเนื่องจากต้นไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้
ตัวอย่างทะเลทรายหิน ได้แก่ ทะเลทรายหิน เอลโฮมรา (Hamada el Homra) ที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลทรายซาฮารา
ในประเทศลิเบีย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 52,000 ตารางกิโลเมตร
2. ทะเลทรายหินกรวด (Reg) เป็นทะเลทรายที่ปกคลุมด้วยเศษหินและกรวด
ทะเลทรายชนิดนี้เดิมเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของฝูงอูฐขนาดใหญ่มาก่อน
ในประเทศอียิปต์ และประเทศลิเบีย เราเรียกชื่อทะเลทรายชนิดนี้ว่า
“ซีเรอ” (Serir) แต่ในบริเวณอื่น
ๆ ของแอฟริกาเรียกว่า “เรก” (Reg)
3.ทะเลทรายทราย
(Erg)
เป็นทะเลทรายที่ปกคลุมพื้นที่แห้งแล้ง มีลมเป็นตัวการกระทำให้เกิดการทับถมกันของเนินทรายแบบต่าง
ๆ ทะเลทรายประเภทนี้ ได้แก่ ทะเลทรายคาลานซิโอ (Calanscio Sand Sea) ในประเทศลิเบีย ทะเลทรายเตอร์กิสถาน (Turdestan Desert) ในสาธารณรัฐเตอร์กิสถาน
เป็นต้น
4.ทะเลทรายแดนทุรกันดาร
(Badland)
มักพบตามดินแดนทุรกันดารที่เกิดจากการกระทำจากพายุฝนเป็นครั้งคราวในเขตภูมิอากาศแห้งแล้ง
เป็นระยะเวลาต่อเนื่องมานานหลายศตวรรษ
จึงเกิดร่องธารและหุบเหวขนาดใหญ่
ที่มีความกว้างและลึกเป็นจำนวนมาก
โดยดินแดนดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย เช่น ทะเลทรายโกต้าใต้
และทะเลทรายเพตน์ (Painted
Desert) ในรัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
5.ทะเลทรายภูเขา (Mountain
Desert) ในบางแห่งพื้นที่ตามที่ราบสูงหรือภูเขาจะเกิดกระบวนการกษัยการจากน้ำค้างแข้ง
ทำให้ภูมิประเทศเกิดการผุพังสลายตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง เช่น ทะเลทรายบริเวณเทือกเขาอแฮกการ์
(Ahaggar) และทิเบสติ
(Tibesti) ในทะเลทรายซาฮารา
เป็นต้น
การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตในทะเลทราย:
พืช
การที่สัตว์ชนิดหนึ่งจะสามารถอาศัยอยู่ในทะเลทรายได้นั้นจำเป็นต้องมีการปรับตัวหลายอย่างด้วยกัน
โดยเฉพาะการรักษาสมดุลน้ำภายในร่างกาย
ในทะเลทรายทีกที่มีความสุดขีดของอุณหภูมิทั้งกลางวันและกลางคืน
ในช่วงเวลากลางวันอุณหภูมิจะร้อนมากตั้งแต่ 45
C / 113 F หรือสูงกว่านี้ในฤดูร้อนและอุณหภูมิจะลดต่ำลงในช่วงเวลากลางคืนจนถึง
0 C/ 32 F ในฤดูหนาวอุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงกว่านี้
ตัวอย่างของทะเลทรายบนโลกนี้ได้แก่ ทะเลทราย Antarctic
(Antarctica) ทะเลทราย Sahara (Africa) ทะเลทรายอาหรับ (ตะวันออกกลาง) ทะเลทรายโกบี
(เอเชีย) ทะเลทรายพาตาโกเนีย (อเมริกา) เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น